วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

E-mail (Electronic mail) คืออะไร


อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า E-mail (Electronic mail) คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่เอาไว้ส่งข้อความ รูปภาพ ผ่านระบบเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ต ว่าแต่น้องๆ ชาว Dek-D.Com เคยสังเกตการส่ง E-mail กันบ้างรึเปล่าจ้ะว่านอกจาก To แล้ว ยังมี Cc และ Bcc อีกด้วย แล้วมันแตกต่างกันยังไงนะ

E-mail ย่อมาจาก Electronic Mail >> เริ่มใช้กันในปี ค.ศ. 1965 เป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง สามารถที่จะแนบไฟล์ภาพ หรือไฟล์ต่างๆ ลงไปได้ด้วย โดย E-mail ฉบับจะถูกเก็บรักษาไว้ในเมล์บล็กซ์ของผู้รับ รอจนกว่าผู้รับจะมาเปิดอ่าน
Cc ย่อมาจาก Carbon Copy >> E-mail ที่กรอกอยู่ในช่อง Cc จะได้รับข้อความเหมือนกับในช่อง To ทุกประการ แต่จะมีจุดที่แตกต่างกัน คือ ผู้รับไม่จำเป็นต้องตอบกลับ เพราะ E-mail ฉบับนี้เป็นเพียงแค่สำเนาที่ต้องการแจ้งให้ทราบเพียงเท่านั้น
Bcc ย่อมาจาก Blind Carbon Copy >> E-mail ที่กรอกอยู่ในช่อง Bcc จะได้รับข้อความที่เหมือนกับในช่อง To และ Cc ทุกประการ แต่จะมีจุดพิเศษและไม่เหมือนอยู่ที่ ผู้รับในช่อง To และ Cc จะไม่เห็น E-mail ในช่องนี้

จากhttp://dek-d.com/content/lifestyle/19380/Cc-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Bcc-%E0%B9%83%E0%B8%99-E-mail-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-.php

Webboard คืออะไร?



WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoard อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBook ตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System) ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internet จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น WebBoard ที่พบเห็นกัน มีอยู่หลายรูปแบบ สำหรับโปรแกรม D'Board ที่เปิดให้ใช้บริการนี้ จะเป็น WebBoard ในลักษณะเดียว (รูปแบบคล้าย) กับที่ใช้ใน pantip.com

ข้อดีของการใช้ Webboard
เป็นช่องทางในการติดต่อ ประกาศข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
ทำให้เกิดสังคม ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างกลุ่มผู้เยี่ยมชม
ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถใช้เป็นช่องทางในการ ประกาศข่าวใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นได้
ง่ายในการใช้งาน แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เมื่อเทียบกับการใช้ Mailing list หรือ News Group

MSN Messenger คืออะไร?




MSN Messenger คืออะไร? ทางนี้มีคำตอบ MSN Messenger หรือที่ เราชอบเรียกกันว่า msn เนี่ย มันก็คือ โปรแกรมส่งข้อความข้าม ระบบเน็ทเวิร์ค แบบทันทีทันใด หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า IM (Instant Messenger) ถ้าคุณเคยเล่นโปรแกรม ICQ IRC หรือ Pirch ก็เข้าข่ายเป็นโปรแกรมพวกเดียวกัน แหละครับ!ทีนี้ทำไม เจ้า msn เนี่ยมันถึงฮิตติดชารจ์ขึ้นมา ก็เนื่องจากความง่ายของการใช้งาน เช่นคุณแค่มี E-mail ของ hotmail หรือ msn คุณก็สามารถเล่นเจ้า msn ได้ทันที แถมมันยังผนวกกับ email ของเราซะอีก โดยที่ เมื่อใดก็ตามที่มีเมล์ เข้ามาถึงเรา เจ้า msn มันก็จะแจ้ง ให้คุณทราบทันที นอกจากนั้น ความเร็วของการ รับและส่งข้อความระหว่างกัน ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว หน้าตาโปรแกรมที่สวยงาม แถมเวอร์ชันใหม่ เรายังสามารถใส่รูปของเราได้อีกด้วย! แจ๋วจริงๆ แฮะจากรูปด้านบน คือหน้าตาของโปรแกรม msn ครับซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน1. หน้าต่างหลัก: ที่หน้าต่างนี้จะแสดงชื่อของเพื่อนๆ เราครับ ทั้งคนที่ online และ offline ซึ่งเวลาเราจะคุยกับเพื่อนคนไหน ก็สามารถดับเบิ้ลคลิ๊ก ที่ชื่อแล้ว หน้าต่างอีกอันจะแสดงขึ้นมา (รูปด้านขวามือ) เราก้อสามารถพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนได้ทันที2.หน้าต่างที่เราคุยกับเพื่อน: ที่หน้าต่างนี้เราสามารถพิมพ์ข้อความ คุยกับเพื่อนได้ทันที แล้วคุณยังสามารถให้ msn แสดงรูปภาพของเรา โดยที่ ทางฝั่งเพื่อนของเรา ก็จะเห็นรูปดังกล่าวเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถส่ง icon ต่างๆ เพื่อสื่ออารมณ์ เพิ่มความสนุกสนานในการ chat ได้อีกด้วยอ้อ! ที่สำคัญก่อนใช้เนี่ย ผู้ใช้ต้องมี Email ของ Hotmail หรือ MSN ก่อนนะครับ หากใครไม่มี ต้องไปสมัครที่ http://www.hotmail.com/ ก่อนนะครับ ข้อมูลได้มาจาก www.thaimsn.net.com ครับ




Blog คืออะไรกันแน่ ?


อันที่จริงผมตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับบล็อกมานานแล้ว แต่ไม่สบด้วยเวลาแลโอกาส แต่ในช่วงที่ผ่านมา นิตยสารคอมพิวเตอร์ ในเยอรมนีหลายเล่ม ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ บล็อกหลายบทความ เป็นการส่งสัญญาณให้คนวงการ คอมพิวเตอร์สัญชาติเยอรมันรับรู้ว่า ตอนนี้บล็อกกำลังมาแรง
เว็บไซท์ BioLawCom ของพวกผมเอง ก็เป็นเว็บไซท์ที่ต้องการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบบล็อกเหมือนกัน ดังนั้น หน้าแรกของเว็บไซท์ที่ทุกท่านเห็น เลยถูกเขียนแสดงให้เป็น บล็อก ซึ่งผู้จัดทำได้รับอิทธิพล การนำเสนอมาจากเวบ blognone เวบข่าวสารทางไอที
บล็อกไม่ได้มีอิทธิพลแค่เพียงในเยอรมนี ประเทศที่ผมกำลังเรียนอยู่ หรือ แค่ในสหรัฐอเมริกา ประเทศบ้านเกิดของบล็อก แต่อิทธิพลของบล็อกกำลังแผ่ปกคลุมไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ ประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้ให้บริการบล็อกที่เพิ่มขึ้นมากในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น exteen ให้บริการบล็อกฟรีสำหรับวัยโจ๋ bloggang ให้บริการบล็อกฟรีสำหรับสมาชิก pantip gotoknow บริการบล็อกฟรีจาก ส.ค.ส. (สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม) เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยจัดการความรู้ในสังคม และอื่นๆอีกมามาย
แต่มีใครทราบไหมครับว่า blog คืออะไร และมีที่มาอย่างไร...
บล็อกมาจากทะเล ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ในการเดินเรือจากอดีตถึงปัจจุบัน ลูกเรือโดยเฉพาะกัปตันเรือ ต้องบันทึกข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรือของตนลงในสมุดเล่มหนึ่ง ที่เรียกกันว่า Logbook สิ่งที่บันทึกลงไปนั้นจะเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับเรือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นดินฟ้าอากาศในขณะเดินเรือ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น สิ่งที่พบเห็น สภาพเรือ ฯลฯ อธิบายง่ายๆ ก็คือ บันทึกประจำวันของเรือนั่นเอง
ในการพัฒนาซอพท์แวร์ก็ต้องการอะไรบางอย่างที่คล้ายๆ Logbook เพื่อเก็บบันทึกข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอร์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น หรือความก้าวหน้า ของการพัฒนา
ผมไม่ทราบเหมือนกันว่านักพัฒนาซอพท์แวร์ในยุคแรก ๆ เคยเป็นชาวเรือมาก่อนหรือไม่ เลยเก็บบันทึกดังกล่าวไว้ในไฟล์ ๆ หนึ่ง แล้วตั้งชื่อมันว่า Logfile ปัจจุบัน เรายังคงเห็นเจ้า Logfile นี้อยู่ได้ทั่วไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ (มีใครทราบ ไหมครับว่าอยู่ตรงไหน) แต่มักเป็นไฟล์ที่ใช้เก็บข้อมูลข้อผิดพลาดในการทำงานของโปรแกรม เพื่อนักพัฒนาทั้งหลายจะได้นำข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแก้ไขได้ในภายหลัง
ในยุคที่ Internet เข้ามามีอิทธิพลต่อการพัฒนาซอพท์แวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอพท์แวร์ที่เป็น OpenSource โดยนักพัฒนาซอพท์แวร์ OpenSource ทั้งหลายได้ใช้ Internet เป็นสื่อกลางในการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งนักพัฒนาทุกคนจะสามารถใส่แนวคิด และ โค้ดของตนเองลงไปในซอพท์แวร์ได้ เพื่อเป็นการอธิบายแนวคิดของตนที่ใส่ลงในซอพท์แวร์ นักพัฒนาเหล่านี้จึงเขียน Weblog ส่วนตัว เพื่อให้นักพัฒนาคนอื่น ๆ เข้ามาอ่าน และ Weblog นี่เองก็กลายมาเป็น Blog ในปัจจุบัน
ลักษณะของบล็อกไม่ตายตัว หรือถูกจำกัดอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่บล็อกแต่ละรูปแบบ มีลักษณะร่วมที่คล้ายกันคือ สิ่งที่เขียนทีหลังได้รับการแสดงผลก่อน และส่วนมาก จะแบ่งการแสดงผลตามวันที่เขียน รูปแบบของบล็อกที่เรามักเห็นกันในปัจจุบันได้แก่ บล็อกข่าว บล็อกบนทึกประจำวัน บล็อกภาพถ่าย เป็นต้น
ผู้เขียนบล็อกจะได้รับการขนานนามว่าเป็น Blogger สิ่งที่ Blogger มักเขียน ลงในบล็อกของตน คือ ความคิดเห็นต่อเหตุการที่ตนสนใจ และเหล่า Blogger จะมีวิธีการ สร้างเครือข่ายที่น่าสนใจคือ หาก Blogger ได้อ่านบล็อกของ Blogger คนอื่น เขาจักไม่แสดง ความคิดเห็นลงในบล็อกดังกล่าวทันที แต่จักเขียนความคิดเห็นลงในบล็อกของตน และทิ้งลิ้งค์ เอาไว้ในบล็อกที่ตนอ่าน เพื่อให้บล็อกเกอร์คนอื่น ๆ ได้ติดตามอ่านต่อไป
การสร้างเครือข่ายด้วยวิธีนี้ ทำให้สังคมบล็อกเกอร์แข็งขึ้นทุกขณะ กระทั่งในปัจจุบัน สังคมบล็อกเกอร์หลายสังคมสามารถสร้างอำนาจต่อรองอันแข็งแกร่ง ให้กับสังคมบล็อกเกอร์ ของตนได้ ที่เห็นได้ชัด คือ สังคมบล็อกเกอร์ในวงการไอที
Blog ในปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาจาก blogger โดย blogger ได้เอาแนวคิดดังกล่าวมาจาก Weblog ดังที่กล่าวไป ปัจจุบัน blogger อยู่ภายใต้การโอบอุ้มจาก google และดูเหมือนว่านักพัฒนาจาก blogger และเหล่าผู้ใช้บริการของ blogger จะพึงพอใจการโอบอุ้ม ดังกล่าวของ google เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนเป็นเดือดเป็นร้อน และสร้าง msn space มาแข่งขัน แต่ดูเหมือนว่าจะไปไม่รุ่ง ส่วนหนึ่งผมคิดว่า มาจาก ธรรมชาติของกลุ่มผู้ใช้เอง ที่มีความแตกต่างกันค่อนข้างสูงระหว่างกลุ่มผู้ใช้ msn space และ blogger
หลายคนอาจมองไม่เห็นข้อแตกต่างระหว่างบล็อก และเว็บบอร์ด ในเชิงเทคนิคแล้ว ทั้งบล็อก และเวบบอร์ดต่างกันไม่มากครับ แต่ในเชิงเนื้อหานั้นต่างกันมากทีเดียว เวบบอร์ดนั้นเป็นที่สำหรับ ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของคนกลุ่มหนึ่ง
ส่วนบล็อก ปัจจุบัน ถูกใช้เป็นที่สำหรับเสนอทั้ง "ข้อเท็จจริง" และ "ความคิดเห็นส่วนตัวต่อข้อเท็จจริงนั้น ๆ" เพื่อเปิดโชว์มุมมองของคนคนหนึ่ง (เจ้าของบล็อก) ต่อสาธารณะชน ซึ่งตรงนี้เองครับที่ทำให้บล็อกแตกต่าง ทั้งจาก
บันทึกประจำวัน หรือไดอารี่ เพราะไม่ได้เขียนเฉพาะเรื่องราวส่วนตัวเท่านั้น
ต่างจาก เว็บบอร์ด เพราะนอกจากข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกันแล้ว ยังเน้นการเขียน มุมมองของตัวเองเพิ่มเติมลงไปด้วย และแน่นอนครับ บล็อกย่อมแตกต่างจาก
เว็บข่าวธรรมดา อยู่มาก เพราะ บล็อกเกอร์ส่วนใหญ่ มักไม่ได้หยิบเฉพาะ เนื้อหาข่าวสารจากที่หนึ่งที่ใดมาเขียนเล่าอย่างเดียว ดังกล่าวแล้ว ที่สำคัญเมื่อมองในมุมกลับ คนที่พิศมัยการอ่านบล็อกส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้คาดหวังแค่เพียง "เนื้อหาข่าวสาร" เท่านั้น แต่หวังจะได้แง่มุมของเจ้าของบล็อกที่เขาตามอ่านกลับไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ โดยส่วนตัวผมจึงเห็นว่า หากจะเทียบ "บล็อก" กับสื่ออะไรสักอย่างหนึ่งจริง ๆ ล่ะก็ บล็อก น่าจะมีส่วนคล้ายกับ "คอลัมภ์วิเคราะห์" ตามนิตยสารต่าง ๆ มากที่สุดครับ
สำหรับผมปัจจุบัน บล็อก ถือเป็นเครื่องมือในการนำเสนอข้อมูลที่ดีมากรูปแบบหนึ่งครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะนำเครื่องมือชิ้นนี้ไปสร้างประโยชน์ หรือโทษเท่านั้นเอง

จากhttp://biolawcom.de/?/blog/162